หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

อ.ที่ 2 ออกกำลังกายแต่ละวัย...แบบไหนดี

วันนี้เรามาเรียนรู้ถึง อ. ที่ 2 กันนะคะ ซึ่งก็คือการออกกำลังกาย










การออกกำลังกายนั้นมีประโยชน์ แต่ต้องเลือกวิธีให้เหมาะกับอายุด้วย การเล่นกีฬาที่ต้องใช้กำลังมากๆ หรือคนที่มีโรคประจำตัวแล้ว ออกกำลังกายโดยไม่คำนึงถึงความสามารถของตน ก็จะเป็นสาเหตุทำให้เกิดอันตรายหรือบาดเจ็บได้ มาดูกันสิว่า วัยอย่างคุณควรออกกำลังกายอย่างไร...


การออกกำลังกายสำหรับเด็ก

การออกกำลังกายในวัยนี้ มุ่งเพื่อเพิ่มความคล่องแคล่วปลูกฝังให้มีน้ำใจนักกีฬาและให้มีการแสดงออกถึงความสามารถเฉพาะตัว เพื่อให้มีการพัฒนาร่างกายทุกส่วน เช่น การวิ่ง ยิมนาสติก ฟุตบอล ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน และการละเล่นต่างๆ ซึ่งล้วนเป็นกิจกรรมที่สร้างความสนุกสนานให้กับเด็กได้อย่างดีและการออกกำลังกายในแต่ละวันควรทำวันละ 2 ชั่วโมง สลับกับการพักเป็นระยะๆ

การออกกำลังกายสำหรับหนุ่มสาว

สำหรับผู้ชายสามารถเล่นกีฬาได้แทบทุกชนิดที่ทำให้เกิดกำลัง ความแข็งแรง ความรวดเร็วและความอดทน เช่น การวิ่ง ฟุตบอล เทนนิส แบดมินตัน บาสเกตบอล การออกกำลังกายกล้ามเนื้อ ประเภทยก Weight ช่วยให้กล้ามเนื้อ แขน ขาแข็งแรง

ส่วนในหญิงนั้นควรเน้นกีฬาประเภทที่ไม่หนัก แต่ทำให้ร่างกายแข็งแรง และเสริมสร้างรูปร่างทรวดทรง เช่น ว่ายน้ำ ยิมนาสติก โยคะ และวอลเลย์บอล เป็นต้น

การออกกำลังกายสำหรับวัยกลางคน

ควรเป็นกิจกรรมที่เคลื่อนไหวช้า เน้นความเพลิดเพลิน ความสบายใจ และปฏิบัติได้อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ชะลออายุทางชีวภาพไว้ได้นานถึง 12 ปี ทั้งยังช่วยให้คงช่วยเหลือตัวเองยามแก่เฒ่าไปได้อีกอย่างยาวนาน เช่น การออกกำลังกายแบบใช้ออกซิเจนเป็นพลังงาน อย่างวิ่งเหยาะๆ ว่ายน้ำ ขี่จักรยาน หรือการเดิน และกายบริหารต่างๆ ที่ช่วยให้ร่างกายใช้ออกซิเจนได้ดีขึ้น และช่วยบำรุงไฟธาตุให้แข็งแรงด้วย

การออกกำลังกายขณะตั้งครรภ์

การออกกำลังกายที่พอเหมาะจะเป็นประโยชน์สำหรับหญิงตั้งครรภ์ โดยคุณแม่ตั้งครรภ์สามารถออกกำลังกายได้ประมาณ 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมง การเริ่มต้นออกกำลังกายควรเริ่มวันเว้นวัน หรืออาทิตย์ละ 3 ครั้ง อย่าหักโหม และค่อยๆ เพิ่มขนาดตามความสามารถ กิจกรรมที่เหมาะสม เช่น การเดิน ว่ายน้ำ การถีบเครื่องปั่นจักรยาน การออกกำลังกายแบบแอโรบิค

การออกกำลังกายสำหรับหลังคลอด

สำหรับคนคลอดปกติควรเริ่มที่ 2-4 สัปดาห์ หลังจากคลอดโดยการผ่าตัด ควรเริ่มหลัง 4 สัปดาห์ กิจกรรมที่เหมาะสมคือ การเริ่มต้นที่ดีคือ การบริหารร่างกายในห้องและการเดิน เพราะการเดินเป็นการบริหารหลังที่ดี การเดินเร็วๆ หลายๆ ครั้งต่อสัปดาห์จะเป็นการเตรียมตัวที่ดีสำหรับการออกกำลังกายในระดับต่อๆ ไป

การออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุ

การเริ่มออกกำลังกายนั้นควรเริ่มจากการศึกษาหลักการให้ถูกต้อง แล้วค่อยๆ เริ่ม ไม่ควรหักโหมมากในครั้งแรกๆ เพื่อเป็นการปรับสภาพร่างกายก่อน ควรเริ่มจากการอบอุ่นร่างกาย (ประมาณ 5-10 นาที) ออกกำลังกาย (15-20 นาที) และจบด้วยการผ่อนคลาย(5-10 นาที) ทุกครั้ง ในขณะที่ออกกำลังกายไม่ควรกลั้นหายใจหรือสูดลมหายใจอย่างแรง ควรหายใจเข้าและออกยาวๆ เพื่อช่วยระบบการหายใจของร่างกาย การออกกำลังกายที่เหมาะสมของผู้สูงอายุนั้น ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน กิจกรรมที่เหมาะสมคือ เดิน วิ่ง รำมวยจีน

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ มีประโยชน์จากศูนย์ข้อมูล สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (ศูนย์ข้อมูล สสส.)http://info.thaihealth.or.th/

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

อ.ที่ 1 อาหาร-กินตามวัย...ห่างไกลโรค

"การกินอาหารที่ดี ให้ประโยชน์ต่อร่างกายนั้น ต้องกินให้ครบ 5 หมู่" อาหาร 5 หมู่ นั้นประกอบด้วย

1.โปรตีน เป็นอาหารประเภท เนื้อสัตว์ นม ไข่ ถั่วเมล็ดแห้ง อาหารประเภทนี้จะช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต ไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เพราะเมื่อคนเรากินอาหารเข้าไปแล้ว จะเกิดการเผาผลาญ หรือย่อยสลาย นำส่วนที่เป็นประโยชน์ไปใช้ ทำให้ร่างกายเจริญเติบโต

2.คาร์โบไฮเดรต ได้แก่ อาหารจำพวก ข้าว แป้ง เผือก มัน น้ำตาล อาหารประเภทนี้จะช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย

3.วิตามิน พืชผักต่างๆ ช่วยในการเสริมสร้างการทำงานของร่างกายให้เป็นปกติ เพราะอวัยวะในร่างกายมีการเคลื่อนไหว และทำงานตลอดเวลา จำเป็นต้องมีการเสริมสร้าง หรือทดแทนการสึกหรอ

4.แร่ธาตุ ผลไม้ต่างๆ ให้ประโยชน์เช่นเดียวกับอาหารประเภทวิตามิน

5.ไขมัน จะเป็นส่วนให้พลังงานและความอบอุ่นแก่ร่างกาย ซึ่งจะได้จากน้ำมัน หรือไขมันที่ได้จากพืชหรือสัตว์

การกินอาหาร ควรกินให้ครบทั้ง 5 หมู่ ในแต่ละวัน เพราะไม่มีอาหารชนิดใดที่มีสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่อยู่ในตัวมันเอง
นอกจากนี้ Happy Adminยังมีข้อมูลที่น่าสนใจจากกองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขในเรื่องของกินตามวัย...ห่างไกลโรคคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านจึงได้รวบรวมมาให้อ่านกันค่ะ

หญิงตั้งครรภ์และหญิงให้นมบุตร
ภาวะเสี่ยงต่อโรคทางโภชนาการ
- โลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก
- น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์
อาหารที่ควรบริโภค
- อาหารครบ 5 หมู่ ในปริมาณที่มากขึ้น
- ดื่มนมรสจืด และปลาที่กินได้ทั้งตัว
- อาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็ก เช่น ตับ เลือด หัวใจ เนื้อสัตว์
- กินผักใบเขียวเข้ม
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
- อาหารหมักดอง
- อาหารรสจัด
- อาหารที่ใส่ผงชูรส/สารเคมี
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ชา กาแฟ น้ำอัดลม
ข้อควรปฏิบัติ
- ฝากท้องทันทีเมื่อทราบว่าตั้งครรภ์
- ตรวจหลังคลอดเมื่อครบ 4-6 สัปดาห์
- ดูแลสุขภาพช่องปากและฟัน
- ทำจิตใจให้สบายไม่เครียด
- ออกกำลังกายในท่าที่ไม่หักโหม

ทารก อายุ 0-12 เดือน
ภาวะเสี่ยงต่อโรคทางโภชนาการ
- โรคขาดโปรตีนและพลังงาน
- โรคขาดวิตามินเอ
- โรคขาดสารไอโอดีน
- โรคขาดวิตามินบี 1
อาหารที่ควรบริโภค
- ทารกแรกเกิด - 4 เดือนให้นมแม่อย่างเดียว ไม่ต้องให้น้ำและอาหารอื่นๆ
- อายุ 4 เดือนขึ้นไป เริ่มให้อาหารตามวัย ควบคู่กับนมแม่
- เมื่อเด็กอายุ 6 เดือนขึ้นไป ควรให้อาหารครบ 5 หมู่
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
- อาหารใส่สี สารกันบูด และผงชูรส เป็นต้น
ข้อควรปฏิบัติ
- การเตรียมอาหารสำหรับทารกต้องถูกสุขลักษณะและเหมาะสม ตามพัฒนาการการกิน การย่อย
เริ่มจากอาหารบดเหลวไปสู่อาหารอ่อนนุ่ม เคี้ยวง่าย

เด็กวัยก่อนเรียน (อายุ 1-5 ปี)
ภาวะเสียงต่อโรคทางโภชนาการ
- โรคขาดโปรตีนและพลังงาน
- โรคขาดวิตามินเอ
- โรคขาดสารไอโอดี
- โรคขาดวิตามินบี 2
อาหารที่ควรบริโภค
- อาหารครบ 5 หมู่และหลากหลาย
- กินปลา เนื้อสัตว์ ไข่
- กินผัก ผลไม้เป็นประจำ
- ดื่มนมรสจืด วันละ 2-3 แก้ว
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
- อาหารจำพวกขบเคี้ยว น้ำหวาน น้ำอัดลม ขนมหวาน
ข้อควรปฏิบัติ
- ฝึกให้เด็กกินอาหารไทยให้หลากหลาย
- ฝึกมารยาทและนิสัยการบริโภคที่ดี

เด็กวัยเรียน (อายุ 6-19 ปี) วัยรุ่น (อายุ 10-24 ปี)
ภาวะเสียงต่อโรคทางโภชนาการ
- โรคอ้วน
- โรคขาดโปรตีน และพลังงาน
- โลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก
- โรคขาดสารไอโอดีน
อาหารที่ควรบริโภค
- อาหารครบ 5 หมู่ และหลากหลายครบ 3 มื้อ
- ดื่มนมรสจืดทุกวัน (ถ้าเป็นเด็กอ้วนดื่มนมพร่องมันเนย)
- ใช้เกลือเสริมไอโอดีนในการปรุงอาหารทุกครั้ง
- อาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็ก เช่นตับ เลือด เนื้อสัตว์
- กินอาหารไทย
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
- อาหารขบเคี้ยว น้ำอัดลม
- อาหารที่มีรสจัด เช่นหวานจัด เค็มจัด เผ็ดจัด
- อาหารจานด่วนแบบตะวันตก
ข้อควรปฏิบัติ
- กินอาหารครบ 3 มื้อ ไม่งดอาหารเช้า
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

วัยทำงาน (อายุ 15-59 ปี) ชายวัยทอง (อายุ 40-59 ปี) หญิงวัยทอง (อายุ 45-59 ปี)
ภาวะเสียงต่อโรคทางโภชนาการ
- โรคอ้วน
- โรคเบาหวาน
- โรคหัวใจและหลอดเลือด
- โรคเก๊าท์
- โรคกระดูกพรุน
- โรคมะเร็ง
อาหารที่ควรบริโภค
- อาหารครบ 5 หมู่และหลากหลาย
- กินปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ถั่วเมล็ดแห้ง
- กินอาหารไทย
- อาหารที่อุดมด้วยแคลเซียม เช่น นมรสจืด ปลาเล็ก ปลาน้อย กุ้งฝอย กุ้งแห้ง
- ใช้น้ำมันพืช (ยกเว้นน้ำมันเมล็ดปาล์มและน้ำมันมะพร้าว)ในการประกอบอาหาร
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
- อาหารที่มีรสจัด เช่น หวานจัด เค็มจัด เผ็ดจัด
- อาหารปิ้ง ย่างที่ไหม้เกรียม
- อาหารทอด
- เนื้อสัตว์ติดมัน
- กะทิ และเนย
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ข้อควรปฏิบัติ
- หมั่นดูแลน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- ตรวจสุขภาพช่องปาก

ผู้สูงอายุ (อายุ 60 ปีขึ้นไป)
ภาวะเสียงต่อโรคทางโภชนาการ
- โรคขาดโปรตีนและกำลังงาน
- โลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก
- โรคความดันโลหิตสูง
- โรคเบาหวาน
- โรคหัวใจและหลอดเลือด
- โรคกระดูกพรุน
อาหารที่ควรบริโภค
- อาหารครบ 5 หมู่และหลากหลาย เน้นปลาและพืชผักใบเขียว ผลไม้ไม่หวานจัด
- ลักษณะของอาหารควรเป็นชนิดที่เคี้ยวและย่อยง่ายประเภทต้ม นึ่ง ตุ๋น
- กินอาหารที่อุดมด้วยแคลเซียม เช่น นมพร่องมันเนย ปลาเล็ก ปลาน้อย
- ใช้น้ำมันพืช (ยกเว้นน้ำมันปาล์มและน้ำมันมะพร้าว)ในการประกอบอาหาร
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
- อาหารทอด เนื้อสัตว์ติดมัน
- อาหารที่มีกะทิ และเนยมาก
- อาหารที่มีรสจัด เช่น หวานจัด เค็มจัด
- ชา กาแฟ
- เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
ข้อควรปฏิบัติ
- กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ในปริมาณที่เพียงพอตามธงโภชนาการ
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอให้เหมาะสมกับสภาพร่างกาย
- ทำจิตใจให้แจ่มใส
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
- ดื่มน้ำวันละ 6-8 แก้ว
- ตรวจสุขภาพช่องปาก

กินตามวัย...ห่างไกลโรค
"อาหารคือตัวเรา" เป็นคำกล่าวที่เป็นจริงเสมอโดยแต่ละกลุ่มวัยมีความต้องการอาหารที่แตกต่างกันเริ่มตั้งแต่ทารกในครรภ์มารดา จนกระทั่งคลอดออกมาแล้วเจริญเติบโตจนกระทั่งถึงวัยสูงอายุ การกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ตามสัดส่วนและปริมาณที่ร่างกายต้องการในหนึ่งวัน ร่วมกับการออกกำลังกายจะช่วยให้สุขภาพแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย
"สุขภาพดีไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องทำเอง"
ข้อมูลจาก กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข



อาหาร 5 หมู่ อ้างอิงข้อมูลจากสสส. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ http://www.thaihealth.or.th/

ชีวิตแสนสุขก็คือชีวิตที่มีสุขภาพดีนั่นเอง

ทุกวันนี้หลายคนที่ทุ่มเทชีวิตเพื่อจุดมุ่งหมายบางอย่างไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งหน้าที่การงาน การเงิน การได้รับการยอมรับฯลฯ แต่เราลืมนึกไปว่าไม่มีอะไรเลยที่มีค่าไปกว่าการที่เรามีตา หู จมูก ปาก แขน ขา ร่างกายของเรานี่เอง สิ่งที่ basic ที่สุดและก็มีค่ามหาศาลที่สุด เพราะฉะนั้นเราจึงควรหันมามองถึงความสำคัญและคุณค่าของร่างกายของเราทั้งภายในและภายนอก เพื่อการมีสุขภาพที่ดี สุขภาพที่ดีเป็นพื้นฐานสำคัญในการนำคุณไปสู่จุดมุ่งหมายต่างๆ ที่คุณมุ่งหวังของคุณต่อไป

สิ่งที่เราควรทำเพื่อสุขภาพที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจนั้นก็คือเรื่องของ 5 อ.1)อาหาร 2)ออกกำลังกาย 3)อารมณ์ 4)อโรคยา 5)อนามัยสิ่งแวดล้อม และสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามนั่นคือต้องไม่ทำ 1 อ.อบายมุข Happy Adminจะนำรายละเอียดของแต่ละหัวข้อดังกล่าวมาให้อ่านกันในครั้งต่อๆไปนะคะ รับรองว่ามีประโยชน์ต่อทุกๆ คนแน่นอนค่ะ ติดตามอ่านกันให้ได้นะคะ






อ้างอิง: สำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร.คู่มือสุขภาพครอบครัวสำหรับประชาชน.กรุงเทพฯ.