ใกล้ถึงวันแม่แล้วค่ะ วันนี้จึงขอนำบทความที่มีประโยชน์เกี่ยวกับแม่ๆ ลูกๆ มาให้อ่านกันบ้างค่ะ เพื่อนๆ คะ ลูกน้อยตัวเล็กๆ ของเราอยากกินนมแม่ที่สุดในโลกค่ะ
10 เหตุผลสำคัญของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่
1. นมแม่...มีความพอเหมาะกับเด็ก
น้ำนมแม่มีสารอาหารที่จำเป็นสำหรับเด็กมากกว่า 200 ชนิด ที่สร้างมาให้เหมาะสมสำหรับเด็กแต่ละคน ซึ่งยากที่นมใดจะเลียบแบบได้ เรียกได้ว่าสารอาหารที่มีในนมแม่เป็นต้นทุนล้ำค่าต่อพัฒนาการ สติปัญญา และอารมณ์ที่ดีของเด็ก
2. นมแม่...มีสารสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค
หัวน้ำนมที่สร้างขึ้นมาในช่วง 2-3 วันแรกหลังคลอดถือเป็นวัคซีนหยดแรกที่เด็กแรกคลอดทุกคนได้รับเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ยิ่งให้นมแม่นานเท่าใด จะยิ่งป้องกันโรคต่างๆ ได้มากเท่านั้น
3. นมแม่...สะดวก สบาย และปลอดภัย
น้ำนมแม่สด สะอาด และมีอุณหภูมิพอเหมาะพร้อมที่ลูกจะดูดกินทุกเวลาตามต้องการ เรียกได้ว่านมแม่ "สะดวก สะอาด ทุกที่ ทุกเวลา"
4. นมแม่...สร้างและหลั่งด้วยวิถีธรรมชาติ
หากลูกดูดนมได้เร็วที่สุด คือภายใน 1 ชั่วโมง หลังคลอด ให้ลูกดูดนมบ่อยเท่าที่ลูกต้องการ และดูดให้ถูกวิธีโดยอมให้ลึกถึงลานหัวนม จะเกิดการสร้างน้ำนมเร็วและมากขึ้น น้ำนมแม่มีพอสำหรับลูกเสมอ แม้จะเป็นลูกแฝด
5. นมแม่...สร้างสายสัมพันธ์อันแนบแน่น
การให้ลูกดูดนมแม่ ทำให้แม่-ลูกได้สัมผัสใกล้ชิดกัน ก่อให้เกิดความรักความผูกพันระหว่างกันยิ่งขึ้น
6. นมแม่...สร้างได้ตลอดเวลา
หลังอายุ 6 เดือน ลูกยังกินนมแม่ได้ เพราะน้ำนมแม่ยังมีคุณค่าสารอาหารสำหรับลูกวัยนี้ การให้อาหารตามวัยเป็นการเสริมความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นตามวัย
7. นมแม่...ลดค่าใช้จ่าย
เพราะไม่ต้องซื้อ ไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์ ลดค่าใช้จ่ายในการซื้อนมผงให้ลูกได้ประมาณเดือนละ 2,000 บาท ลดค่ารักษาพยาบาล เพราะลูกแข็งแรง ไม่ค่อยเจ็บป่วย
8. นมแม่...ช่วยแม่ลดน้ำหนักและปกป้องสุขภาพ
การใช้พลังงานเพื่อผลิตน้ำนมแม่ ทำให้แม่น้ำหนักลดลง และส่งผลดีต่อสุขภาพ เช่น ลดโอกาสตกเลือดหลังคลอด ช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็ว ลดโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ และโรคกระดูกพรุน
9. นมแม่...สร้างประสบการณ์ของความเป็นแม่
การได้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นกระบวนการทางธรรมชาติที่ให้แม่-ลูกได้อยู่ด้วยกัน เป็นโอกาสของการสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างแม่-ลูก แม่ได้เรียนรู้ และอดทนในการเลี้ยงลูก และตอบสนองลูกอย่างเหมาะสม
10.นมแม่...ทำงานก็ให้ลูกกินนมได้
แม่ไม่จำเป็นต้องหยุดให้นมลูกเมื่อไปทำงาน เพราะสามารถเตรียมน้ำนมให้ลูกได้หลายวิธี เช่น ก่อนกลับไปทำงานให้ฝึกบีบนม เพื่อจะได้บีบน้ำนมเก็บไว้ให้ลูกกินระหว่างวันขณะที่แม่ไปทำงานได้ ก่อนไปทำงานและหลังกลับจากงานให้ลูกดูดนมแม่อย่างเต็มที่ ช่วงอยู่ที่ทำงานก็บีบนมเก็บทุกๆ 3 ชั่วโมง หากบ้านกับที่ทำงานอยู่ใกล้กัน ก็กลับไปให้นมลูกตอนพักได้
อย่าลืมนะคะ: เด็กตั้งแต่แรกเกิด - 6 เดือน กระเพาะอาหารเด็กยังไม่เจริญเต็มที่ ยังย่อยไม่ดี ไม่ควรให้อาหารอื่น ถ้าให้กินน้ำไปด้วยจะแย่งที่นม ทำให้ลูกได้อาหารน้อยลง ฉะนั้นควรเน้นให้เด็กกินแต่นมแม่อย่างเดียว
ขอขอบคุณข้อมูลจากคณะแพทย์และนักวิชาการผู้จัดทำหนังสือนมแม่...สายใยรักจากแม่สู่ลูก
วันพุธที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2553
กินตามกรุ๊ปเลือด...ไม่ยากอย่างที่คิด...ลองทำดูนะคะ
กรุ๊ปเลือดคือสิ่งที่ตัดสินว่ากินอะไรจึงจะเป็นผลดีต่อสุขภาพมากที่สุด
หมู่โลหิตหรือกรุ๊ปเลือดเกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรม อาจกล่าวได้ว่ากรุ๊ปเลือดมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดต่อระบบภูมิคุ้มกันและระบบรักษาตัวเองของร่างกาย นอกจากนี้กรุ๊ปเลือดยังเป็นตัวกำหนดได้ว่าเราควรกินอะไรจึงจะมีสุขภาพแข็งแรง หากกินผิดอาจทำให้เจ็บป่วย ดังนั้นถ้าอยากให้ร่างกายแข็งแรง มีระบบภูมิคุ้มกันและระบบรักษาตัวเองที่เข้มแข็งก็ต้องกินอาหารที่เหมาะสมกับกรุ๊ปเลือดของตน
คนเลือดกรุ๊ปเอ ควรเลี่ยงผลิตภัณฑ์นมและเนื้อสัตว์
ตามสถิติทางการแพทย์ โรคที่คนเลือดกรุ๊ปเอมีโอกาสเป็นได้ง่าย ได้แก่ แผลฝีหนองจากเชื้อสแตฟิโลค็อกคัส ติดเชื้อซาโมเนลลา วัณโรค โรคบิด คอตีบ ไข้หวัดใหญ่ หลอดเลือดแข็งตัว อาการข้ออักเสบรูมาติก กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โรคลมบ้าหมู โรคพิษสุรา
ผลการวิจัยแสดงว่าคนเลือดกรุ๊ปเอ สัมพันธ์กับการเป็นมะเร็งของระบบทางเดินอาหาร เช่น มะเร็งลิ้น มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งหลอดอาหาร โดยเฉพาะคนเลือดกรุ๊ปเอมีอัตราการป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารสูงอย่างชัดเจน
ข้อแนะนำการกินอาหารของคนเลือดกรุ๊ปเอ
ควรพยายามเลี่ยงผลิตภัณฑ์นม งดการปรุงอาหารด้วยวิธีทอด ผัด และย่าง หากกินเนื้อสัตว์ปริมาณมากทุกวันจะทำให้อาหารไม่ย่อย รบกวนการทำงานของอวัยวะต่างๆ และอาจเกิดลิ่มเลือดอุดกั้น (Obstructive Thrombus) โรคหัวใจ โรคลมปัจจุบัน (Stroke) ท้องผูก โรคผิวหนัง และโรคมะเร็ง
ขอแนะนำอัตราส่วนของอาหารสำหรับคนเลือดกรุ๊ปเอ ดังนี้
ผัก 55% ผลไม้ 20% ธัญพืช ถั่วและเมล็ดพืชเปลือกแข็ง 20% ไข่และอาหารทะเล 5% (ถ้าวันไหนกินไข่ควรงดอาหารทะเล)
การออกกำลังกาย
ไม่ควรออกกำลังกายหนัก ขอแนะนำให้ออกกำลังกายด้วยการฝึกโยคะ ชี่กง หรือรำมวยไท่จี๋ (ไท้เก๊ก) นั่งสมาธิ สวดมนต์ หรือทำสมาธิเป็นประจำเพื่อให้จิตใจสงบ เป็นผลดีต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ
คนเลือดกรุ๊ปโอ ไม่ควรกินมังสวิรัติเป็นเวลานาน
ตามสถิติทางการแพทย์ โรคที่คนเลือดกรุ๊ปโอมีโอกาสเป็นง่าย ได้แก่ โรคแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น ตับแข็ง ถุงน้ำดีอักเสบ ไส้ติ่งอักเสบ โรคหืด และแผลฝีหนอง โดยทั่วไปคนเลือดกรุ๊ปโอไม่ค่อยเจ็บป่วย อายุขัยเฉลี่ยก็ยาวกว่าคนเลือดกรุ๊ปอื่นอย่างเห็นได้ชัด
ข้อแนะนำการกินอาหารของคนเลือดกรุ๊ปโอ
โดยทั่วไปคนเลือดกรุ๊ปโอจำเป็นต้องกินเนื้อสัตว์ปริมาณหนึ่ง หากกินแต่พืชผักเป็นเวลานาน ร่างกายจะไม่ดูดรับสารอาหารที่ระบบภูมิคุ้มกันและระบบรักษาตัวเองต้องการอย่างครบถ้วน ทำให้เจ็บป่วยง่าย
ขอแนะนำอัตราส่วนของอาหารสำหรับคนเลือดกรุ๊ปโอ ดังนี้
ผักชนิดต่างๆ 75% ผลไม้ 10% เนื้อสัตว์ อาหารทะเล และนมแพะเล็กน้อย (ไม่ใช้นมวัว)10% อีก 5% เป็นธัญพืชกับเมล็ดพืชเปลือกแข็ง
การออกกำลังกาย
ควรเลือกการออกกำลังกายหนักตามความชอบและออกกำลังกายแบบแอโรบิก อย่างเล่นฟุตบอล เดินเร็ว วิ่งระยะสั้น
คนเลือดกรุ๊ปบี ไม่ควรกินเนื้อสัตว์
ตามสถิติทางการแพทย์ โรคที่คนเลือดกรุ๊ปบีมีโอกาสเป็นง่าย ได้แก่โรคบิด ไข้หวัดใหญ่ โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง โรคเอสแอลอี โรคเกี่ยวกับกระดูก โรคระบบทางเดินปัสสาวะและระบบสืบพันธ์ โรคข้อต่ออักเสบ วัณโรค มะเร็งช่องปาก และมะเร็งเต้านม คนเลือดกรุ๊ปบียังมีโอกาสเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวมากกว่าคนกรุ๊ปเลือดอื่น
ข้อแนะนำการกินอาหารของคนเลือดกรุ๊ปบี
ขอแนะนำอัตราส่วนของอาหารสำหรับคนเลือดกรุ๊ปบี ดังนี้
ผักชนิดต่างๆ 55% ผลไม้ 10% พืชประเภทหน่อและหัว 15% เมล็ดพืชเปลือกแข็ง 10% ไข่และนมแพะ 10%
การออกกำลังกาย
สำหรับการออกกำลังกาย ควรอยู่ในระดับปานกลาง เช่นเดินเร็ววันละ 30 นาที
คนเลือดกรุ๊ปเอบี ควรงดเนื้อไก่และเนื้อวัว
ตามสถิติทางการแพทย์ โรคที่คนเลือดกรุ๊ปเอบีมีโอกาสเป็นง่าย ได้แก่ ติดเชื้อกลัดหนอง โรคทางเดินหายใจแบบเฉียบพลัน ไวรัสตับอักเสบ และโรคเบาหวาน นอกจากนี้ยังพบว่าคนเลือดกรุ๊ปเอบีมีอัตราการป่วยเป็นโรคจิตสูงกว่าคนเลือดกรุ๊ปอื่นถึง 3 เท่า แต่มีอัตราการป่วยเป็นวัณโรคและโรคโลหิตจางขณะตั้งครรภ์น้อยกว่าคนเลือดกรุ๊ปอื่นมาก
ข้อแนะนำการกินอาหารของคนเลือดกรุ๊ปเอบี
โดยพื้นฐานแล้วยึดตามอัตราส่วนของอาหารสำหรับคนเลือดกรุ๊ปบี โดยกินผักต่างๆ 55% พืชประเภทหน่อและหัว 15% ผลไม้ 5% เมล็ดพืชเปลือกแข็ง 15% ไข่และนมแพะ 10%
ส่วนการออกกำลังกายของคนเลือดกรุ๊ปเอบีนั้น ในหนังสือที่ Happy Admin ไปค้นคว้ามาไม่ได้กล่าวถึง แต่คิดว่าน่าจะเป็นการออกกำลังกายคล้ายคนเลือดกรุ๊ปบี คือควรอยู่ในระดับปานกลาง เช่นเดินเร็ววันละ 30 นาที
หากเพื่อนๆ สนใจเกี่ยวกับเรื่องกินอาหารตามกรุ๊ปเลือดและต้องการข้อมูลอย่างละเอียดมากกว่านี้เพื่อนำไปใช้ปฏิบัติในชีวิตประจำวันดูละก็ ลองหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านดูเพิ่มเติมนะคะ (Happy Adminไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับผู้ผลิตหนังสือ เพียงแนะนำเพื่อนๆ เผื่อข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ค่ะ)
ขอขอบคุณข้อมูลของ Dr. Tom Wu แปลโดย เรืองชัย รักศรีอักษร.ธรรมชาติช่วยชีวิต ฉบับปรับปรุง.พิมพ์ครั้งที่ 5.กรุงเทพฯ.นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์,2552
หมู่โลหิตหรือกรุ๊ปเลือดเกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรม อาจกล่าวได้ว่ากรุ๊ปเลือดมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดต่อระบบภูมิคุ้มกันและระบบรักษาตัวเองของร่างกาย นอกจากนี้กรุ๊ปเลือดยังเป็นตัวกำหนดได้ว่าเราควรกินอะไรจึงจะมีสุขภาพแข็งแรง หากกินผิดอาจทำให้เจ็บป่วย ดังนั้นถ้าอยากให้ร่างกายแข็งแรง มีระบบภูมิคุ้มกันและระบบรักษาตัวเองที่เข้มแข็งก็ต้องกินอาหารที่เหมาะสมกับกรุ๊ปเลือดของตน
คนเลือดกรุ๊ปเอ ควรเลี่ยงผลิตภัณฑ์นมและเนื้อสัตว์
ตามสถิติทางการแพทย์ โรคที่คนเลือดกรุ๊ปเอมีโอกาสเป็นได้ง่าย ได้แก่ แผลฝีหนองจากเชื้อสแตฟิโลค็อกคัส ติดเชื้อซาโมเนลลา วัณโรค โรคบิด คอตีบ ไข้หวัดใหญ่ หลอดเลือดแข็งตัว อาการข้ออักเสบรูมาติก กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด โรคลมบ้าหมู โรคพิษสุรา
ผลการวิจัยแสดงว่าคนเลือดกรุ๊ปเอ สัมพันธ์กับการเป็นมะเร็งของระบบทางเดินอาหาร เช่น มะเร็งลิ้น มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งหลอดอาหาร โดยเฉพาะคนเลือดกรุ๊ปเอมีอัตราการป่วยมะเร็งกระเพาะอาหารสูงอย่างชัดเจน
ข้อแนะนำการกินอาหารของคนเลือดกรุ๊ปเอ
ควรพยายามเลี่ยงผลิตภัณฑ์นม งดการปรุงอาหารด้วยวิธีทอด ผัด และย่าง หากกินเนื้อสัตว์ปริมาณมากทุกวันจะทำให้อาหารไม่ย่อย รบกวนการทำงานของอวัยวะต่างๆ และอาจเกิดลิ่มเลือดอุดกั้น (Obstructive Thrombus) โรคหัวใจ โรคลมปัจจุบัน (Stroke) ท้องผูก โรคผิวหนัง และโรคมะเร็ง
ขอแนะนำอัตราส่วนของอาหารสำหรับคนเลือดกรุ๊ปเอ ดังนี้
ผัก 55% ผลไม้ 20% ธัญพืช ถั่วและเมล็ดพืชเปลือกแข็ง 20% ไข่และอาหารทะเล 5% (ถ้าวันไหนกินไข่ควรงดอาหารทะเล)
การออกกำลังกาย
ไม่ควรออกกำลังกายหนัก ขอแนะนำให้ออกกำลังกายด้วยการฝึกโยคะ ชี่กง หรือรำมวยไท่จี๋ (ไท้เก๊ก) นั่งสมาธิ สวดมนต์ หรือทำสมาธิเป็นประจำเพื่อให้จิตใจสงบ เป็นผลดีต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ
คนเลือดกรุ๊ปโอ ไม่ควรกินมังสวิรัติเป็นเวลานาน
ตามสถิติทางการแพทย์ โรคที่คนเลือดกรุ๊ปโอมีโอกาสเป็นง่าย ได้แก่ โรคแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น ตับแข็ง ถุงน้ำดีอักเสบ ไส้ติ่งอักเสบ โรคหืด และแผลฝีหนอง โดยทั่วไปคนเลือดกรุ๊ปโอไม่ค่อยเจ็บป่วย อายุขัยเฉลี่ยก็ยาวกว่าคนเลือดกรุ๊ปอื่นอย่างเห็นได้ชัด
ข้อแนะนำการกินอาหารของคนเลือดกรุ๊ปโอ
โดยทั่วไปคนเลือดกรุ๊ปโอจำเป็นต้องกินเนื้อสัตว์ปริมาณหนึ่ง หากกินแต่พืชผักเป็นเวลานาน ร่างกายจะไม่ดูดรับสารอาหารที่ระบบภูมิคุ้มกันและระบบรักษาตัวเองต้องการอย่างครบถ้วน ทำให้เจ็บป่วยง่าย
ขอแนะนำอัตราส่วนของอาหารสำหรับคนเลือดกรุ๊ปโอ ดังนี้
ผักชนิดต่างๆ 75% ผลไม้ 10% เนื้อสัตว์ อาหารทะเล และนมแพะเล็กน้อย (ไม่ใช้นมวัว)10% อีก 5% เป็นธัญพืชกับเมล็ดพืชเปลือกแข็ง
การออกกำลังกาย
ควรเลือกการออกกำลังกายหนักตามความชอบและออกกำลังกายแบบแอโรบิก อย่างเล่นฟุตบอล เดินเร็ว วิ่งระยะสั้น
คนเลือดกรุ๊ปบี ไม่ควรกินเนื้อสัตว์
ตามสถิติทางการแพทย์ โรคที่คนเลือดกรุ๊ปบีมีโอกาสเป็นง่าย ได้แก่โรคบิด ไข้หวัดใหญ่ โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง โรคเอสแอลอี โรคเกี่ยวกับกระดูก โรคระบบทางเดินปัสสาวะและระบบสืบพันธ์ โรคข้อต่ออักเสบ วัณโรค มะเร็งช่องปาก และมะเร็งเต้านม คนเลือดกรุ๊ปบียังมีโอกาสเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวมากกว่าคนกรุ๊ปเลือดอื่น
ข้อแนะนำการกินอาหารของคนเลือดกรุ๊ปบี
ขอแนะนำอัตราส่วนของอาหารสำหรับคนเลือดกรุ๊ปบี ดังนี้
ผักชนิดต่างๆ 55% ผลไม้ 10% พืชประเภทหน่อและหัว 15% เมล็ดพืชเปลือกแข็ง 10% ไข่และนมแพะ 10%
การออกกำลังกาย
สำหรับการออกกำลังกาย ควรอยู่ในระดับปานกลาง เช่นเดินเร็ววันละ 30 นาที
คนเลือดกรุ๊ปเอบี ควรงดเนื้อไก่และเนื้อวัว
ตามสถิติทางการแพทย์ โรคที่คนเลือดกรุ๊ปเอบีมีโอกาสเป็นง่าย ได้แก่ ติดเชื้อกลัดหนอง โรคทางเดินหายใจแบบเฉียบพลัน ไวรัสตับอักเสบ และโรคเบาหวาน นอกจากนี้ยังพบว่าคนเลือดกรุ๊ปเอบีมีอัตราการป่วยเป็นโรคจิตสูงกว่าคนเลือดกรุ๊ปอื่นถึง 3 เท่า แต่มีอัตราการป่วยเป็นวัณโรคและโรคโลหิตจางขณะตั้งครรภ์น้อยกว่าคนเลือดกรุ๊ปอื่นมาก
ข้อแนะนำการกินอาหารของคนเลือดกรุ๊ปเอบี
โดยพื้นฐานแล้วยึดตามอัตราส่วนของอาหารสำหรับคนเลือดกรุ๊ปบี โดยกินผักต่างๆ 55% พืชประเภทหน่อและหัว 15% ผลไม้ 5% เมล็ดพืชเปลือกแข็ง 15% ไข่และนมแพะ 10%
ส่วนการออกกำลังกายของคนเลือดกรุ๊ปเอบีนั้น ในหนังสือที่ Happy Admin ไปค้นคว้ามาไม่ได้กล่าวถึง แต่คิดว่าน่าจะเป็นการออกกำลังกายคล้ายคนเลือดกรุ๊ปบี คือควรอยู่ในระดับปานกลาง เช่นเดินเร็ววันละ 30 นาที
หากเพื่อนๆ สนใจเกี่ยวกับเรื่องกินอาหารตามกรุ๊ปเลือดและต้องการข้อมูลอย่างละเอียดมากกว่านี้เพื่อนำไปใช้ปฏิบัติในชีวิตประจำวันดูละก็ ลองหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านดูเพิ่มเติมนะคะ (Happy Adminไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับผู้ผลิตหนังสือ เพียงแนะนำเพื่อนๆ เผื่อข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ค่ะ)
ขอขอบคุณข้อมูลของ Dr. Tom Wu แปลโดย เรืองชัย รักศรีอักษร.ธรรมชาติช่วยชีวิต ฉบับปรับปรุง.พิมพ์ครั้งที่ 5.กรุงเทพฯ.นานมีบุ๊คส์พับลิเคชั่นส์,2552
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)