หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ผ้าอ้อมธรรมดา VS ผ้าอ้อมสำเร็จรูปจะใช้อะไรดีคะ






วันนี้ Happy Admin จะมาเล่าประสบการณ์เปรียบเทียบระหว่างผ้าอ้อมธรรมดากับผ้าอ้อมสำเร็จรูปให้เพื่อนๆ คุณแม่ฟังกันนะคะ หากคุณแม่ท่านใดมีข้อคิดเห็นเพิ่มเติมก็เข้ามาแชร์ประสบการณ์กันได้ค่ะ

ผ้าอ้อมธรรมดา


ข้อดี

1. ประหยัดเงินมากกว่าเพราะซักแล้วนำมาใช้ใหม่ได้อีกหลายครั้ง
2. ใช้ได้สารพัดประโยชน์ เช่น ให้ลูกสวมใส่เพื่อซับอึ-ฉี่, ใช้รองปูที่นอน, ใช้แทนเป็นผ้าห่มหรือเป็นผ้าห่อตัวเด็กได้,ใช้ซับเช็ดน้ำมูก น้ำลาย เศษอาหารที่ติดขอบปาก ฯลฯ เป็นต้น
3. มีความโปร่ง สบาย สำหรับเด็กทารก เหมาะสมกับการใช้งานในบ้านเราที่มีภูมิอากาศร้อนชื้น

ข้อเสีย

1. เหนื่อยในการซักล้างทำความสะอาด และหากเด็กอึ-ฉี่บ่อยก็จะใช้เวลามากในการซักล้างทำความสะอาดผ้าอ้อมในปริมาณมาก
2. ทันทีที่เด็กทารกฉี่หรืออึจะแฉะ เปรอะเปื้อนสกปรก ฉี่และอึจะซึมไปถึงสิ่งอื่นที่อยู่ข้างเคียงเช่นฟูกที่นอน ผ้าปูที่นอน หรือที่รองนั่งในรถเข็นเด็ก หรือหากเราอุ้มอยู่ก็จะเปื้อนมาถึงคุณพ่อคุณแม่ได้ค่ะ 555... เพิ่มงานการทำความสะอาดหลายอย่างเลย เหนื่อยค่ะ...
3. เมื่อเด็กฉี่หรืออึแล้วต้องรีบทำความสะอาดก้นให้เด็กนะคะ และเปลี่ยนผ้าต่างๆ ให้เรียบร้อย หากไม่ได้ดูและปล่อยเด็กไว้กับผ้าอ้อมเปียกฉี่หรืออึ จะทำให้เด็กมีผื่นแพ้ที่ก้นได้ค่ะ ไม่ได้เกิดผื่นเฉพาะการใช้แต่ผ้าอ้อมสำเร็จรูปอย่างเดียว
4. หากมีผู้ช่วยงานคุณแม่ เช่นจ้างแม่บ้านก็ดี หรือมีญาติปู่ ย่า ตา ยาย ฯลฯ มาช่วยเลี้ยงก็ดี ก็อาจช่วยเหลือเรื่องการซักทำความสะอาดผ้าอ้อมและผ้าอื่นๆ ที่เป็นผลสืบเนื่องจากงานผ้าอ้อมได้ แต่ดูสิคะ... จะเห็นได้ว่าต้องใช้พลังงานหรือทรัพยากรคนมากขึ้น โดยเฉพาะคุณแม่ที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ มีความจำเป็นอย่างยิ่งค่ะ ที่จะต้องมีคนช่วยไม่งั้นละก็ไม่ได้พักเหนื่อยค่ะ เพราะพอให้นมลูกเสร็จก็ต้องซักผ้าอ้อมต่อ แถมขอบอกอีกนิดค่ะ ลูกที่เลี้ยงด้วยนมแม่บางคน จะมีการอึบ่อยมากค่ะ อาจจะเป็น 10 ครั้งขึ้นไปต่อ 24 ชั่วโมง คิดดูสิคะว่าจะต้องซักผ้าอ้อมเปื้อนอึปริมาณมากแค่ไหนต่อรอบ 24 ชั่วโมง (เจอมาแล้วค่ะ เลี้ยงลูกเอง ทั้งให้นมลูกเอง และช่วยกันซักผ้าอ้อมเองกับคุณพ่อเด็ก ไม่มีผู้ช่วยงาน แทบไม่มีเวลาพักเหนื่อยเลยค่ะ ต้องอึด...จริงๆ)

ผ้าอ้อมสำเร็จรูป

ข้อดี

1. สะดวก รวดเร็ว ในการใช้งาน ความสะดวกโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาเด็กหลับจะได้ไม่รบกวนเด็กมาเปลี่ยนผ้าอ้อมบ่อยครั้ง หรือเวลาต้องเดินทาง พาลูกออกไปนอกบ้านก็ไม่เปรอะเปื้อน ไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยนผ้าอ้อมบ่อย
2. ประหยัดทั้งเวลาและพลังงาน หากคุณแม่ต้องเลี้ยงลูกคนเดียวไม่มีผู้ช่วยก็สามารถช่วยเหลือตนเองได้คล่องตัวขึ้น
3. ซึมซับดีและได้หลายครั้ง ไม่ซึมเปื้อนผ้าหรือสิ่งอื่นๆ รอบข้าง (ยกเว้นใส่ไม่ดีหรือเลือกขนาดใหญ่ไปไม่กระฉับกับตัวเด็กก็อาจมีฉี่หรืออึซึมเปื้อนได้)
4. มีหลายยี่ห้อและหลายไซส์ให้เลือกตามความเหมาะสมของขนาดตัวเด็ก

ข้อเสีย

1. มีราคาสูง หากต้องใช้เป็นประจำและจำนวนมากก็จะต้องสิ้นเปลืองเงินเยอะอยู่ค่ะ และเป็นการใช้งานแบบใช้เสร็จแล้วต้องทิ้ง ไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้
2. มีความอบ อับชื้น หากไม่ปล่อยให้ก้นเด็กโล่งบ้างอาจทำให้เด็กมีผื่นขึ้นที่ก้นค่ะ โดยเฉพาะหากเด็กฉี่หลายครั้งหรือมีอึและไม่รีบทำความสะอาดก้นเด็ก ยิ่งมีโอกาสเป็นผื่นแพ้ได้มากค่ะ
3. ความเคยชินสำหรับเด็กที่เลี้ยงด้วยผ้าอ้อมสำเร็จรูปบางคน เมื่อถึงเวลาฝึกฉี่-อึโถนจะไม่ยอมปรับตัวง่ายนัก จะติดฉี่หรืออึในผ้าอ้อมสำเร็จรูป
4. ย่อยสลายยากและยาวนานมากค่ะ จึงเพิ่มปัญหาขยะและด้านสิ่งแวดล้อม

Happy Admin ได้หาข้อเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของผ้าอ้อมธรรมดากับผ้าอ้อมสำเร็จรูปให้เพื่อนๆ คุณแม่ได้อ่านกันจากประสบการณ์ของ Happy Admin เองค่ะ จะเห็นได้ว่าสำหรับการใช้ผ้าอ้อมในภูมิอากาศร้อนชื้นแบบบ้านเรานั้น อาจต้องใช้ผ้าอ้อมทั้ง 2 ชนิดค่ะ สลับกันใช้ตามความเหมาะสม เช่นใช้ผ้าอ้อมธรรมดาตอนกลางวัน ใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปตอนกลางคืน และตอนเดินทางทั้งนี้นอกจากจะทำให้ก้นเด็กได้ปล่อยโล่งสบายบ้างในตอนกลางวันแล้ว ยังประหยัดเงินและเวลาแบบพบกันครึ่งทาง ส่วนตัว Happy Admin เองประหยัดแม้ช่วงกลางคืนก็ใช้ผ้าอ้อมธรรมดา และหมั่นลุกขึ้นมาเปลี่ยนให้ลูกช่วงวัยแรกเกิด เพราะฉี่อึบ่อยมาก (เลี้ยงลูกด้วยนมแม่และลูกก็จะอึบ่อยม๊ากๆ หากใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปหลายอันก็จะเปลืองเงินมาก จึงต้องใช้ผ้าอ้อมธรรมดา)บอกได้เลยค่ะว่าเหนื่อยมากๆ และอ่อนเพลียจริงๆ เพราะทำอย่างนี้อยู่หลายเดือน กว่าจะได้เปลี่ยนมาใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปตอนกลางคืน เป็นเรื่องของสภาพเศรษฐกิจครัวเรือนจริงๆ ถ้าคุณแม่มีงบมากก็อาจสบายหน่อยจุดนี้ทั้งใช้ผ้าอ้อมสำเร็จรูปได้ไม่จำกัดจำนวน และมีคนช่วยเลี้ยง แต่ก่อนที่จะจบบทความนี้อย่าลืมนะคะว่า ผ้าอ้อมสำเร็จรูปย่อยสลายยากมากค่ะ และต้องใช้เวลากว่า 500ปีทีเดียวในการย่อยสลาย ตอนนี้เทรนด์เริ่มหันมาใช้กางเกงผ้าอ้อมสำเร็จรูปกันแล้วลองหาดูนะคะว่าใช้ยี่ห้อไหนดี ผ้าชนิดไหนเหมาะสมกับผิวลูกเรา นอกจากจะซึมซับได้ดีกว่าผ้าอ้อมผ้าธรรมดาแล้ว ยังประหยัดเงินเพราะซักสะอาดแล้วสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อีก น่าจะเป็นความลงตัวหากใช้ผสมผสานกันทั้ง 3 อย่างตามโอกาสที่จำเป็นและตามความเหมาะสม คงจะช่วยประคับประคองด้านค่าใช้จ่ายและด้านสิ่งแวดล้อมไปได้บ้าง

รูปที่ใช้ประกอบบทความใช้เพื่อความเข้าใจและความสวยงามเท่านั้น Happy Admin มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ผลิตหรือจำหน่ายผลิตภัณฑ์ตามในรูปแต่ประการใด

อ้างอิงรูปจาก : http://www.weloveshopping.com/template/w09/showproduct1.php?pid=1284183&shopid=8529
http://www.green.in.th/blog/business/1456
ขอบคุณค่ะ

วันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2553

อาหารที่มีประโยชน์ต่อคุณแม่ตั้งครรภ์

ช่วงนี้ขอต่อด้วยข้อมูลที่มีประโยชน์สำหรับแม่และลูกกันก่อนนะคะ เพราะยังไม่ไกลช่วงเทศกาลวันแม่เท่าไหร่นัก

ต้องขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ สำหรับคนที่รู้ว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์และจะมีลูกน้อยมาโอบอุ้มในอ้อมแขนไม่ช้านี้แล้ว คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องดูแลตัวเองให้มากๆ นะคะ โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน สำหรับวันนี้ Happy Adminได้หาข้อมูลดีๆ มาให้คุณแม่ตั้งครรภ์อ่านกันค่ะ

อาหารที่เหมาะสมกับคุณแม่ตั้งครรภ์มีดังนี้

โปรตีน จะเป็นสารอาหารที่ช่วยทำให้ร่างกายเจริญเติบโตและซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอไป จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับลูกในการก่อร่างสร้างเลือดเนื้อให้เป็นตัวเป็นตน คุณแม่ตั้งครรภ์จึงต้องการอาหารประเภทนี้เพิ่มเติม ซึ่งได้แก่ เนื้อ นม ไข่ และถั่ว เป็นต้น เนื้อที่ว่านี้อาจเป็นเนื้อหมู เนื้อเป็ดหรือไก่ก็ได้ เนื้อสัตว์เหล่านี้มีโปรตีนคุณภาพดี มีธาตุเหล็กมาก
นอกจากนี้ควรกินตับด้วยสักสัปดาห์ละครั้ง เนื้อปลาก็มีโปรตีนดีทีเดียว ไขมันไม่มาก แต่ธาตุเหล็กน้อยไปหน่อย
ไข่ก็มีโปรตีนครบถ้วน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นอาหารที่กินง่าย กินสักวันละ 1 ฟอง ดื่มนมสดวันละ 2-3 แก้ว แต่ไม่ควรดื่มนมข้นหวานเพราะโปรตีนน้อยมาก มีแต่ไขมันกับน้ำตาล ถ้าไม่ดื่มนมสดอาจจะดื่มนมถั่วเหลืองหรือน้ำเต้าหู้ก็ได้

แป้งและน้ำตาล อาหารประเภทนี้ได้แก่ ข้าว ก๋วยเตี๋ยว ขนมหวาน ฯลฯ ปกติเราไม่ควรกินมากนัก โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย สำหรับหญิงตั้งครรภ์ควรจะรับประทานอาหารประเภทนี้น้อยลง เพราะว่าในระหว่างตั้งครรภ์นั้นร่างกายจะเผาผลาญแป้งและน้ำตาลได้น้อยลง และระบบย่อยก็ไม่ปกติ ถ้ากินมากไปก็อาจทำให้ท้องอืด ท้องเฟ้อได้ง่าย กินแต่พอสมควรก็แล้วกัน สำหรับผู้ที่น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมากเกินไป ก็ควรกินข้าวและขนมหวานให้น้อยลง แล้วกินผักและผลไม้แทนจะดีกว่า

ไขมัน เป็นอาหารอีกประเภทหนึ่งที่ควรระวังและหลีกเลี่ยง เช่น อาหารทอด หรือผัดที่ใส่น้ำมันมากๆ เพราะความต้องการของร่างกายน้อยลงแล้วก็ย่อยยากด้วย เหมือนกับพวกแป้งและน้ำตาล กินมากมีแต่ทำให้ท้องอืด เฟ้อ แน่นท้อง อึดอัด เพิ่มน้ำหนักตัวของคุณโดยแปรเป็นไขมันจับตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย

ผัก ถั่ว ผลไม้และน้ำผลไม้ มีประโยชน์มาก เพราะมีทั้งโปรตีนและวิตามินต่างๆ ที่ร่างกายต้องการ แล้วช่วยเรื่องระบบขับถ่ายอุจจาระด้วย เรียกว่า กินง่าย ถ่ายคล่อง ราคาก็ไม่แพง เพราะเมืองเรามีกินตลอดปี แต่ก็มีเรื่องควรระวังเป็นพิเศษคือ สารพิษประเภทยาฆ่าแมลงตกค้างอยู่ในผักและผลไม้ ควรแช่น้ำนานๆ ราว 10-15 นาที หรือให้น้ำก๊อกไหลผ่านตลอดเวลาราว 2 นาที หรือใช้น้ำยาล้างผัก ผลไม้ ล้างให้สะอาดแล้วจึงค่อยบริโภค
ควรรับประทานผลไม้เหล่านี้สลับกันทุกวัน เช่น กล้วย เงาะ มังคุด มะละกอ ส้มเขียวหวาน สับปะรด เป็นต้น

วิตามินและแร่ธาตุ ช่วงตั้งครรภ์และหลังคลอดนั้นร่างกายของคุณแม่ต้องการวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เช่นวิตามิน เอ บี ซี ดี กรดนิโคตินและกรดโฟลิก ธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส ซึ่งถ้ากินอาหารถูกส่วนก็มักจะได้วิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้ครบตามที่ร่างกายต้องการแล้วคือ ธาตุเหล็กซึ่งช่วยให้เม็ดเลือดมีมากพอที่จะลำเลียงออกซิเจนจากเลือดแม่ไปยังลูก จะได้จากอาหารจำพวก ตับ ไข่แดง ผักใบเขียว เช่น ผักขม ตำลึง และอาหารเนื้อสัตว์ทุกชนิด ส่วนแคลเซียมซึ่งช่วยในการสร้างกระดูกและฟันของลูก จะได้จากนม เนยเป็นส่วนใหญ่
แต่ว่าในชีวิตประจำวัน เราไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ว่าอาหารที่กินอยู่นั้น เราได้สารอาหารครบถ้วนหรือไม่ ดังนั้นสูติแพทย์จึงต้องจ่ายยาบำรุงซึ่งประกอบด้วย วิตามินรวมและธาตุเหล็กให้ด้วย เพื่อป้องกันการขาดสารอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 2-3 เดือนหลัง ซึ่งร่างกายต้องการแคลเซียม ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็กเพิ่มขึ้นมากกว่าระยะแรกๆ ของการตั้งครรภ์ คุณแม่ควรกินยาบำรุงตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดเพื่อสุขภาพของตนเองและลูกน้อยในครรภ์

ของต้องห้ามสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
โดยทั่วไปอาหารที่กินกันอยู่ประจำก็ไม่ห้ามอะไร ยกเว้นอาหารที่จะทำให้เสาะท้อง ท้องเสียได้ง่าย ทำให้ร่างกายไม่ได้รับคุณค่าของสารอาหารที่กินเข้าไปอย่างเต็มที่ เท่ากับกินเข้าไปเสียเปล่า หรืออาหารที่มีรสจัดมากก็ควรจะงดหรือพยายามหลีกเลี่ยงเสีย เพราะว่าระหว่างตั้งครรภ์นั้นระบบย่อยอาหารจะผิดปกติไปจากเดิม มีโอกาสที่จะท้องอืด ท้องเฟ้ออยู่บ่อยๆ สำหรับผู้ที่แพ้อาหารบางชนิดเช่น อาหารทะเล ก็อย่าเผลอกินเข้าไป เพราะบางคนจะมีอาการแพ้มากขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์

ยาจีนหรือยาหม้อ ซึ่งเล่ากันว่าเป็นยาบำรุงนั้น ในวงการแพทย์แผนปัจจุบันยังไม่มีการพิสูจน์กันว่ามีประโยชน์มากน้อยเพียงใด ตำรับหรือส่วนผสมก็ไม่แน่นอน บางอย่างราคาแพงมาก ไม่จำเป็นต้องซื้อมากินหรอกเพราะอาจจะไม่คุ้มกับเงินที่เสียไป บางรายอาจแพ้ยาเหล่านี้ ขอให้กินอาหารที่มีประโยชน์ตามที่แนะนำไว้แล้วและกินยาบำรุงซึ่งได้แก่ วิตามินและธาตุเหล็กตามที่แพทย์ให้มาจะดีกว่า เพราะได้มีการพิสูจน์แล้วว่ามีความจำเป็นและมีประโยชน์แน่นอน

ผงชูรส คุณผู้หญิงตั้งครรภ์และทารกไม่ควรรับประทานอาหารที่ใส่ผงชูรส เพราะอาจจะเป็นตัวทำลายหรือมีผลต่อการเจริญเติบโตของสมองลูกได้

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คุณแม่บางคนอาจจะอยู่ในสังคมธุรกิจ บางทีก็มีงานเลี้ยงสังสรรค์ ถ้าจิบเพียงนิดหน่อยไม่น่าจะต้องห้ามเพราะปริมาณเล็กน้อย จะไม่มีอันตรายต่อคุณแม่และลูกน้อยแต่อย่างใด แต่ถ้าดื่มมากเกินไปก็ไม่ดีจนติดเป็นโรคพิษสุราเรื้อรังแล้วละก็อาจจะเกิดอันตรายได้ ลูกที่เกิดมาอาจจะมีน้ำหนักน้อยเติบโตช้า มีอาการติดเหล้า อาจปัญญาอ่อน เกิดความพิการของหัวใจและหลอดเลือดได้

บุหรี่ เชื่อกันว่าสารนิโคตินในบุหรี่สามารถผ่านรกไปยังตัวเด็กได้ซึ่งจะเข้าไปกดการทำงานของสมองส่วนที่ควบคุมการหายใจและการเต้นของหัวใจ ดังนั้นคุณแม่ที่ตั้งครรภ์แล้วสูบบุหรี่มากกว่าวันละ 10 มวนอาจเกิดผลร้ายขึ้นมาได้คือ มีโอกาสแท้งลูกหรือคลอดก่อนกำหนดได้มากกว่าคนที่ไม่ได้สูบบุหรี่ และถึงแม้จะคลอดครบกำหนดวันก็ตาม ลูกก็มักจะมีน้ำหนักน้อย ตัวเล็กกว่าปกติและจะชักได้ง่าย
เชื่อไหมว่าคุณผู้หญิงที่มีครรภ์แม้ไม่ได้สูบบุหรี่เอง หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยควันบุหรี่ ก็จะส่งผลร้ายต่อการตั้งครรภ์ได้เหมือนกัน เช่น คุณแม่ตั้งครรภ์ที่ทำงานอยู่ในห้องปรับอากาศที่มีคนสูบบุหรี่ทั้งวันก็เหมือนกับคุณแม่สูบเสียเอง ทั้งนี้บุหรี่แบบก้นกรองก็ไม่มีข้อยกเว้นด้วย

น้ำชา กาแฟ สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์นั้น ถ้าดื่มน้ำชาแก่ๆ จะทำให้ท้องผูกง่าย คนที่ท้องผูกอยู่แล้วน่าจะหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำชา เพราะเวลาตั้งครรภ์ไม่ควรจะให้ระบบขับถ่ายผิดปกติจะทำให้อึดอัดมากและเกิดริดสีดวงทวารได้ง่าย ส่วนกาแฟนั้นถ้าดื่มมากไปอาจะทำให้ใจสั่นและนอนไม่หลับ เพราะคาเฟอีนในกาแฟทำให้หัวใจเต้นแรง

ข้อมูลอ้างอิงจาก: รศ.นพ.สุวชัย อินทรประเสริฐ.คู่มือดูแลคุณแม่ตั้งครรภ์.พิมพ์ครั้งที่ 2.กรุงเทพฯ.แปลน พริ้นท์ติ้ง,2539

ทารกกินนมแม่อย่างเดียวไปจนถึงอายุ 6 เดือน

ช่วงนี้เป็นช่วงเทศกาลวันแม่ Happy Adminจึงหาข้อมูลเกี่ยวกับแม่และลูกมาให้อ่านกันค่ะ จากเดิมเรื่อง"นมแม่...สำคัญที่สุดสำหรับลูก" เพื่อร่วมรณรงค์และเป็นกำลังใจให้กับคุณแม่ในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ค่ะ เมื่อเพื่อนๆ ได้อ่านและทราบแล้วว่านมแม่สำคัญอย่างไร สำหรับวันนี้ Happy Adminก็อยากจะเน้นย้ำอีกครั้งว่าทารกควรกินนมแม่อย่างเดียวไปจนถึงอายุ 6 เดือนค่ะ โดยที่ทารกนั้นจะได้รับสารอาหารครบถ้วนและไม่จำเป็นต้องกินอาหารอ่อนเสริม งานวิจัยยืนยันว่าทารกที่กินนมแม่อย่างเดียวจนอายุ 6 เดือนจะมีสุขภาพแข็งแรงดี และมีปัญหาสุขภาพน้อยกว่าเด็กที่เริ่มอาหารเสริมเร็วกว่าวัยนี้ แต่ที่แน่ๆ คือทารกไม่ควรได้อาหารเสริมอื่นใด จนกว่าอายุจะถึง 4 เดือนทั้งนี้เพราะ
- เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นภูมิแพ้ เมื่อทารกอายุ 6 เดือนจะมีภูมิต้านทานมากพอจะต่อต้านสิ่งแปลกปลอม
- อาจเกิดปัญหาย่อยยาก เพราะระบบย่อยของเด็กเล็กยังทำงานได้ไม่สมบูรณ์
- เพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดหูอักเสบ ในนมแม่จะมีภูมิต้านทานเชื้อโรคถ่ายทอดให้ลูกด้วย
- เลอะเทอะยุ่งยาก ตอนยังเล็กทารกกลืนไม่เก่ง มักบ้วนอาหารออกมามากกว่ากลืนเข้าไป ทั้งยังปล่อยให้นั่งกินคนเดียวไม่ได้ด้วย

เพราะฉะนั้นลูกยังไม่ควรได้รับอาหารอ่อนจนกว่าจะอายุ 4 เดือนขึ้นไปนะคะ และอย่าลืมนะคะจากบทความที่แล้วเรื่อง"นมแม่...สำคัญที่สุดสำหรับลูก": เด็กตั้งแต่แรกเกิด - 6 เดือน กระเพาะอาหารเด็กยังไม่เจริญเต็มที่ ยังย่อยไม่ดี ไม่ควรให้อาหารอื่น ถ้าให้กินน้ำไปด้วยจะแย่งที่นม ทำให้ลูกได้อาหารน้อยลง ฉะนั้นควรเน้นให้เด็กกินแต่นมแม่อย่างเดียวดีที่สุดค่ะ

ข้อมูลโดย. Jane Chumbley เขียน.แพทย์หญิงภัทรวรรณ ธาดาดลทิพย์ แปล.เลี้ยงลูกน้อยด้วยนมแม่ Breastfeeding.กรุงเทพฯ.ซีเอ็ดยูเคชั่น,2549.

และเนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2553 นี้ ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระราชานุญาต น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายพระพรชัยมงคล ขออัญเชิญคุณพระศรีรัตนตรัยและอานุภาพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากล ได้โปรดดลบันดาลให้สมเด็จ พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระเกษมสำราญ ทรงพระเจริญพรั่งพร้อม ด้วยจตุรพิธพรชัย มีพระราชประสงค์สิ่งใด ขอจงสัมฤทธิ์สมดังพระราชหฤทัยปรารถนาทุกประการ ขอพระองค์ทรงสถิตเป็นพระมิ่งขวัญร่มเกล้าพสกนิกรชาวไทยตราบนิรันดร์กาล ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ Happy Life - Happy doing